เขาช้างเผือก บ้านอีต่อง กาญจนบุรี

บ้านอีต่อง เขาช้างเผือก ทุ่งหญ้า หมอกฝน สายลม

ทุ่งหญ้า หมอกฝน สายลม แห่งเขาช้างเผือก เสียงลมพัดแรงผ่านหมู่แมกไม้ในไพรสนมาแต่ไกล สายหมอกหนาหนักยังคงกลั่นตัวลอยจากดินระเหยถึงฟากฟ้า

ฟ้ายามนี้เป็นสีเทาปกคลุมยอดเขาด้วยสายหมอก น้ำจากหมอกที่ หล่น ล่วง จากฟ้ามาติดใบไม้ ตอนนี้ เริ่มหยดลงสู่ผืนดินอีกครั้ง…ครา

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก เราเดินทางมาถึง ในเวลาจวนจะใกล้ค่ำ เพราะด้วยเส้นทางถนนลาดยางแคบๆ รถจึงวิ่งไต่ไหลเขาที่สูงชัน คดเคี้ยวมาเรื่อยๆ

รถวิ่งอย่างระมัดระวัง เราไม่เร่งร้อน เพราะจะได้ชมวิวสองข้างทางถนนที่สวยงาม ด้วยสภาพป่าเขาที่เป็นทิวแถวสลับทับซ้อนเรียงรายอย่างมากมาย

ถึงแม้ยามนี้จะเป็น วสันต์ฤดู(ฝน)ที่หนาหนัก แต่อากาศก็เย็นยะเยือกดุจดังฤดูกาลเหมันต์(หนาว) รถมาหยุดจอดตรงจุดชมวิว หรือตรงจุดลานกางเต็นท์ ซึ่งตรงนี้มักเรียกกันจนติดปากว่า

เนินกูดดอย เนินนี้ลมยังคงพัดความหนาวเย็นมาสัมผัสกับผิวกาย สายหมอกของทิวเขาเบื้องหน้ายังคงไหลเอื่อย รถสามารนำขึ้นมาจอดได้ถึงตรงจุดนี้ พื้นที่ตรงนี้เป็น ลานจอดรถ ที่กางเต็นท์ บ้านพัก รวมถึงเป็นจุดชมวิว

ทิวเขาซับซ้อนสุดสายตา และมองไกลไปจนเห็นทะเลสาบ เขื่อนวชิราลงกรณและเขาช้างเผือก ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติหลากหลายเส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางที่คณะเราจะไปเดินในพรุ่งนี้

อีต่อง( เป็นภาษา พม่า แปลว่า ภูเขาเทวดา ) แสงของเช้าวันใหม่มาพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ฉายมาที่เส้นขอบฟ้าเพียงนิดเดียว พอเดินแบกขาตั้งกล้องออกจากบ้านพักไม่นาน

น้ำค้างของหมอกหนาหนัก ตกลงมาแรงประดุจดังสายฝน จนมีคนถามขึ้นว่าฝนเหรอ…ไม่ใช่…หมอก-น้ำค้าง…นะ…ครับ วันนี้เราจะไปเดิน ผจญภัย ชม ทุ่งหญ้า หมอกฝน สายลม แห่งเขาช้างเผือก

เรานัดพบกับลูกหาบที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯผู้นำทาง เตรียมไว้ เรานัดพบกันตรงบริเวณโรงเรียน หมู่บ้าน อีต่อง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่เงียบสงบ อยู่ติดกับแนวชายแดนของประเทศพม่า

เป็นหมู่บ้านที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ในยุคที่การทำเหมืองแร่เฟื่องฟู มีอากาศหนาวเย็นและมีฝนตกตลอดทั้งปี

เขาช้างเผือก เมื่อรอยเท้า เยียบย่างไปบนเส้นทาง ทางที่เดินแม้อยู่ไม่ไกล คนที่แข็งแรงหรือลูกหาบในพื้นที่ จะใช้เวลาเดิน ประมาณ 4 ชั่วโมง ส่วนผมต่อให้คนอื่นๆ เดินถึงจุดพักค้างคืนก่อนครับ

พิกัดจุดหมายเดียวกัน แต่เวลาจะต่างกัน เพราะด้วยภาระหน้าที่ ที่แบกของยังชีพเอง ไหนจะขาตั้งกล้องพร้อมอุปกรณ์ทำงานที่หนักหลายกิโลกรัม ยังไงๆ ขอเป็นแบบว่า เดินไป พักไป กินไป ดื่มไป บันทึกภาพไปก็แล้วกัน

และคงต้องใช้เวลาเป็นวัน สำหรับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร ตลอดเส้นทางเดินป่าหญ้าคาที่ผ่านมา วันนี้ไม่ร้อนเท่าใดนัก เพราะฝนตกตลอดทาง เรียกง่ายๆ ว่าเราอาบน้ำฝนตลอดทางที่เดิน

ทางที่เปียกน้ำฝนนั้น ลื่นชะมัด ถึงแม้จะเดินแบบกลิ่งไป-ถะไหลไป ขอเพียงมีจุดหมายปลายทางกับความฝัน ที่มุ่งหมายไว้ การเดินล้มแล้วลุกในแต่ละครั้ง ก็จะเปิดประสบการณ์ การเรียนรู้ ความทรงจำ ความสุข ความทุกข์

ให้กับชีวิตได้ตลอดเส้นทาง ในความโชคร้าย ที่พบเจอกับ ตัวทาก ลมแรง พายุฝน ที่พัดจนเต็นท์ที่พักพัง แต่ด้วยลมที่แรง ฝนที่ตกหนัก ในความโชคร้ายที่ผ่านพ้น ก็มักจะพบกับความโชคดีเสมอ คือ ลมแรงยุงจะไม่ค่อยมี

ฝนตกหนัก น้ำไหลแรงพัดตัวทากไหลไปกับสายน้ำ และเมื่อลมฝนสงบ สิ่งที่ได้เต็มๆคือ เราจะพบกับความเข้มแข้งของจิตใจ เราจะพบธรรมชาติอันพิสุทธิ์…

สำหรับวันนี้ ก่อนใกล้ค่ำตรงจุดพักกางเต็นท์หลับนอน…ตอนนี้ต้องขอตัวไปบันทึกภาพความสวยงามของธรรมชาติในมุม 360 องศา บนสันเขาช้างเผือกก่อนครับ…

ข้อมูลจำเพราะ การเดินทาง ห่างจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 59 กม. เมื่อผ่านตัวอำเภอแล้วใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3272 ไปอีกประมาณ 30 กม.( กม.31) พบสามแยกตัวที(บ้านไร่) เลี้ยวซ้ายไปอีก 26 กม. บนถนนเส้นทางลาดยางแคบๆ มีความสูงชันตามไหล่เขาที่คดเคี้ยว ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร. 08 1382 0359 หรือ www.dnp.go.th ภาพประกอบระหว่างการเดินทาง

























More from my site

อาชีพรับจ้าง , ช่างภาพ , นักข่าว , รับบันทึกภาพถ่ายภาพงานทั่วไป , แถลงข่าว , สารคดี , เป็นช่างภาพนักเขียนอิสระให้กับ นิตยสารหลายฉบับ , เว็บต่าง ๆ และหนังสือพิมพ์